1. หน้าแรก
  2. / Blog
  3. / 8 วิธีรักษารอยดำจากสิวเร็วที่สุดทำยังไงได้บ้าง

8 วิธีรักษารอยดำจากสิวเร็วที่สุดทำยังไงได้บ้าง

แชร์หน้านี้

การเป็นสิวนั้นนอกจากจะสร้างความรำคาญใจแล้ว หลังจากสิวหายยังทิ้งรอยแดงจากสิวเอาไว้ให้กวนใจอีกด้วย ยิ่งหากปล่อยเอาไว้นานรอยสิวเหล่านั้นก็ไม่ได้หายไปง่าย ๆ ด้วย แต่หากเราได้รู้สาเหตุของการเกิดรอยจากสิวแล้ว วิธีการรักษารอยดำจากสิวเร็วที่สุดก็จะทำได้ง่ายขึ้นไปด้วย ไปดูกันเลยว่ารอยดำรอยแดงจากสิวเกิดขึ้นได้อย่างไร

รอยดำและรอยแดงจากสิวเกิดขึ้นได้อย่างไร?

รอยดำและรอยแดงจากสิว คือ รอยแผลที่เกิดจากสิวที่หายแล้ว เมื่อเกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ อาจมีระดับการอักเสบที่รุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก และเมื่อสิวหายแล้วมักจะทิ้งรอยแผลเอาไว้ตามความรุนแรงของการอักเสบของสิวที่เป็นก่อนหน้านี้  ยิ่งหากทำการกดสิว แกะสิวก็ยิ่งทำให้เกิดรอยจากสิวได้มากขึ้น ซึ่งรอยสิวถือเป็นกระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาตินั่นเองแล้วจะมีวิธีไหนที่ช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิวได้บ้าง

ลักษณะของรอยดำและรอยแดงจากสิว

ลักษณะของรอยดำรอยแดงจากสิวที่เห็นกัน มักจะมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป โดยเริ่มตั้งแต่ ระดับความรุนแรงน้อย คือประเภทสิวหัวขาวหรือสิวหัวดำ ระดับความรุนแรงปานกลาง คือประเภทสิวหัวหนองหรือสิวที่เป็นตุ่มแดง ระดับความรุนแรงมาก คือสิวก้อนลึกหรือสิวซีสต์ที่ค่อนข้างรักษาได้ยากใช้เวลานานกว่าสิวจะยุบ

  • รอยสิวหลุมลึก เป็นได้ตั้งแต่รอยสิวระดับตื้น ๆ รอยสิวที่มีจุดหลุมลึก รอยหลุมที่ยุบลงไปมีลักษณะแบนและบาง ส่วนรอยที่เป็นหลุมขนาดกว้างจะมีรอยขอบหลุมที่ชัดเจน ถือเป็นร่องรอยที่เกิดจากความเสียหายในชั้นผิวที่ลึกลงไป ยากต่อการรักษาแบบทั่ว ๆ ไป ควรต้องไปพบแพทย์เพื่อให้ตรวจเช็กและพิจารณาการรักษาตามความเหมาะสมของรอยหลุมสิวนั้น ๆ
  • รอยสิวทั่ว ๆ ไป ส่วนใหญ่มักจะพบได้ทั่วไป จะมีลักษณะเป็นจุดสีดำหรือจุดรอยแดงที่เกิดจากสิวนั่นเอง โดยรอยสิวจะมีลักษณะเป็นหลุมสิวแบบตื้น ๆ และจะค่อย ๆ เลือนหายไปแต่ต้องใช้เวลาหลายเดือน แต่หากมีการรักษารอยดำจากสิวที่ดีก็จะทำให้รอยสิวเหล่านั้นจางลงได้รวดเร็วขึ้น

8 วิธีลดรอยแดงและรักษารอยดำจากสิวเร่งด่วน

1.ใช้ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ช่วยลดรอยดํารอยแดงจากสิว

วิธีรักษารอยดำจากสิวง่าย ๆ อย่างแรกคือ การใช้สกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิวที่มีประสิทธิภาพเป็นประจำ ก็จะช่วยทำให้ รอยแดง รอยดำจากสิวจางลงได้รวดเร็วมากขึ้น เช่น “เซรั่ม KARA SKIN Abosolut White” ที่อุดมไปด้วยสารสกัดที่ช่วยลดจุดด่างดำมากกว่า 10 ชนิด โดยเฉพาะสารสกัดจากผลคาคาดูพลัม (Kakadu Plum) ซุปเปอร์ฟรุ๊ต จากประเทศออสเตเลีย ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในโลก, GO – VC วิตามินซีความเสถียรสูงจากญี่ปุ่น, Gigawhite, Vitamin B3 เป็นต้น สารสกัดเหล่านี้ จะสามารถช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รักษารอยแดง รอยดำจากสิว ลดฝ้ากระ ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส และสีผิวสม่ำเสมอ ดูเรียบเนียนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังผ่านการทดสอบจากผู้ใช้จริงแล้ว ว่าเห็นผลในการลดเลือนรอยดำรอยแดงจากสิว ได้ถึง 86% ในการใช้ต่อเนื่องเพียง 14 วัน  และแน่นอนว่าปลอดภัย เพราะผ่านการทดสอบแล้วโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ว่าอ่อนโยนต่อผิว ใช้ได้ทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่าย

2.เลือกทานวิตามินเสริมเพื่อช่วยลดรอยดํารอยแดงจากสิว

ดูแลภายนอกไปแล้ว ต่อมาวิธีการลดรอยดํารอยแดงจากสิว อีกวิธีหนึ่งคือการดูแลจากภายในโดยการเลือกกินวิตามิน ก็สามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใสมากขึ้นได้เช่นกัน วิตามินที่ช่วยในการลดรอยต่างๆ ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี แต่การกินวิตามินอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1-2 เดือน และอาจต้องกินวิตามินเป็นประจำต่อเนื่อง โดยอาจศึกษาหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ได้เช่นกัน

ฉีดผิวขาวจริงไหม

3.ใช้สูตรว่านห่างจระเข้บำรุงผิวหน้า

วิธีลดรอยแดงจากสิวด้วยวิธีที่ใช้ของใกล้ตัวอย่าง ว่านหางจระเข้ ที่มีสรรพคุณช่วยลดรอยสิวและรอยแผลเป็นต่าง ๆ ได้ โดยวิธีการทำคือให้นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือก นำไปแช่เย็นหรือไม่แช่ก็ได้ แล้วนำมาทาบริเวณใบหน้าวันละ 2 ครั้ง พอกทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที เมื่อทำเป็นประจำ รอยด่างดำ รอยสิวก็จะค่อย ๆ จางลงในเวลา 1-2 เดือน

4.พอกผิวหน้าด้วยสูตรน้ำผึ้งและมะนาว

ใช้สูตรน้ำผึ้งและมะนาวมาพอกผิว โดยมีวิธีการทำคือ น้ำแตงกวา 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมะนาวอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันแล้วนำมาทาบนหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แต่หากรู้สึกระคายเคืองผิว ควรล้างออกทันที สามารถทำได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยน้ำผึ้งจะมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มได้ แตงกวาและมะนาวมีความเป็นกรดอ่อน ๆ ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยดำต่าง ๆ ได้

5.เลือกใช้มาส์กหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น

การรักษารอยดําจากสิวอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ก็คือการเลือกใช้มาส์กหน้า โดยมาส์กหน้ามีหลายประเภทต่างกันไป ทั้งแบบแผ่น เป็นเนื้อครีมที่ต้องพอกทิ้งไว้ก็มี ซึ่งสูตรมาส์กหน้าก็มีแตกต่างกันไปไม่ได้เพิ่มแค่ความชุ่มชื่นอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสูตรที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ด้วย ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวในแต่ละช่วง

6.รักษารอยดําจากสิวเร่งด่วนด้วยเลเซอร์

วิธีทําให้รอยสิวหายที่เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบันก็คือ การเข้ารักษาโดยการใช้เลเซอร์ อาจมีราคาสูงไปบ้างแต่ก็มีการรับรองว่าเห็นผลจริง แต่ก็ต้องมีการทำเลเซอร์ลดรอยอย่างต่อเนื่องกัน3-4 ครั้งหรือมากกว่านั้น เพื่อให้เห็นผลอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

7.ฉีดฟิลเลอร์เพื่อรักษารอยแผลสิว

วิธีทำให้รอยสิวหายด้วยการฉีดฟิลเลอร์มักจะนิยมทำในกรณีที่มีแผลจากหลุมสิวเป็นร่องลึก หรือเป็นรอยบุ๋มลงไป โดยแพทย์จะทำการฉีดสารฟิลเลอร์เข้าไปเพื่อเติมเต็มรอยบุ๋มนั้นให้ดูตื้นขึ้นและผิวดูเรียบเนียนขึ้น แต่การรักษาด้วยวิธีฉีดฟิลเลอร์มักจะต้องทำซ้ำทุก 4-6 เดือน เพราะสารฟิลเลอร์จะถูกดูดซึมไปเรื่อย ๆ นั่นเอง

8.ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวันและไม่บีบสิว

วิธีทําให้รอยสิวหายวิธีนี้ดูเหมือนง่าย แต่อาจทำได้ยากสำหรับบางคนที่กินน้ำน้อย แต่การพยายามดื่มน้ำให้เพียงพอกับปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน จะช่วยให้ระบบไหลเวียนต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กระจ่างใสจากภายใน รวมทั้งการไม่ไปบีบหรือแกะสิวก็จะช่วยให้แผลที่เกิดจากสิวจางไวขึ้นได้เช่นกัน จนเลือนหายไปตามธรรมชาติ

รักษารอยดำและรอยแดงจากสิวไม่ใช่เรื่องยาก

การรักษารอยดำและรอยแดงจากสิวนั้นไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ หากหันมาใส่ใจดูแลผิวหน้าสักนิดก็จะไม่มีรอยสิวให้มากวนใจแล้ว รวมถึงการหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดสิวด้วย เช่นการล้างหน้าไม่สะอาด การกินของทอดของมัน ความเครียด นอนดึก ก็เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิวได้ เมื่อเกิดรอยแผลจากสิวลองนำวิธีลดรอยแดงจากสิวไปใช้กันดู สะดวกวิธีไหนใช้วิธีนั้นได้เลย

แชร์หน้านี้
สนใจติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม